(อ่านแล้ว 22 ครั้ง)
“พุทธัง ภาคะวันตัง อภิวาเทมิ… ท่องจนคล่องลิ้น แต่เข้าใจแค่ปลายเสียง”
โดย:aedon
ทุกเช้าในห้องเรียน หรือทุกค่ำในวัด เสียง “พุทธัง ภาคะวันตัง อภิวาเทมิ” ดังก้องชัด เป็นถ้อยคำที่เด็กไทยนับล้านท่องได้ตั้งแต่ยังไม่รู้ความหมายด้วยซ้ำ ท่องตามครูบาอาจารย์เหมือนบทสวดเปิดใจให้สงบ แต่เมื่อวันหนึ่งโตขึ้น ผ่านโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ความเห็นแก่ตัว และการแสวงหาประโยชน์ คำสั้น ๆ ที่เคยอยู่ปลายลิ้น ยังอยู่ในใจเราไหม?
“ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน”
ประโยคนี้คือหัวใจของพุทธศาสนา — แต่สังคมไทยทุกวันนี้เหมือนจะจำได้เพียงเสียง ไม่ใช่ความหมาย
เรา “รู้” ว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ตื่น แต่เรากลับ “หลับ” อยู่ในโลกของวัตถุ
เรา “รู้” ว่าท่านเบิกบานจากการละกิเลส แต่เรากลับเบิกบานจากยอดไลก์ ยอดวิว และยอดเงิน
เรา “รู้” ว่าพระธรรมคือทางสู่ปัญญา แต่เรากลับเลือกทางลัดที่เต็มไปด้วยการหลอกลวง
เราท่องทุกคำ แต่ไม่เคยถามตัวเองเลยว่า “เข้าใจหรือยัง?”
ในโลกยุคดิจิทัลที่ศรัทธาอยู่ในกระแสไวรัล วัดกลายเป็นจุดเช็กอิน พระกลายเป็นคอนเทนต์ “ธรรมะสั้น ๆ 30 วิ” เราอาจกำลังบูชาพระพุทธรูป มากกว่าพระพุทธธรรม
เรากราบพระ แต่ไม่เคยกราบจิตตัวเอง
เราถือศีลในปาก แต่ทำบาปในแชต
เราสวดมนต์ด้วยเสียง แต่ไม่เคยฟังด้วยใจ
“คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เคยเก่า มีแต่ใจคนที่ห่างธรรมต่างหากที่เปลี่ยนไป”
คำว่า “ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” คือการปลุกให้เราตื่นจากความหลงในตัวเอง หลงในโลก หลงในความคิดที่ว่า “เรารู้แล้ว” ทั้งที่ยังไม่รู้จริง
แต่ทุกวันนี้… เรารู้ทุกอย่าง ยกเว้น “รู้ตัว”
สังคมที่ศีลธรรมกลายเป็นแค่เนื้อหาให้แชร์ แต่ไม่ใช่แนวทางให้ใช้
สังคมที่สอนให้ “ไหว้พระ” แต่ไม่เคยสอนให้ “ละความโลภ”
นี่แหละคือเหตุผลที่คำว่า “พุทธัง ภาคะวันตัง อภิวาเทมิ” ยังดังก้องในอากาศ
แต่ไม่สะเทือนถึงใจ
พระผู้มีพระภาค “รู้ ตื่น เบิกบาน” — แล้วเราล่ะ?
เรายัง “หลับ ลืม โลภ” อยู่หรือเปล่า?
บางทีถึงเวลาต้องท่องบทนี้อีกครั้ง…
ไม่ใช่ด้วยปาก
แต่ด้วย “ชีวิต” ของเราเอง
https://news-wanmai.blogspot.com/2025/10/blog-post_12.html