(อ่านแล้ว 77 ครั้ง)
???? “กระจกส่องได้แค่สังขาร... แต่ส่องสันดานใครไม่ได้” — เมื่อหน้ากากเงาในสังคมไทยเริ่มหลุดทีละชั้น
บทความสะท้อนสังคม:โดย aekdon
กระจกเงาในบ้านเราสะอาดขึ้นทุกวัน แต่ใจคนในสังคมกลับขุ่นมัวขึ้นทุกปี...
เราอยู่ในยุคที่ “ภาพลักษณ์” สำคัญกว่าความจริง — นักการเมืองแต่งสูทเรียบหรู ขึ้นเวทีพูดถึงประชาธิปไตย แต่หลังฉากกลับมีมือที่ยื่นซอง ยื่นตำแหน่ง แลกผลประโยชน์กันอย่างไม่กระดิกใจ
สังคมเราชอบคน “พูดดี ดูดี” มากกว่าคน “ทำดี” เพราะเรามักมองผ่านกระจกเงา... ไม่ใช่กระจกใจ
ทุกวันนี้ เราเห็น “นักบุญปลอม” เดินถือศีลหน้าวัด
แต่กลางคืนใช้ศีลเป็นฉากกั้นเพื่อโกงทรัพย์ประชาชน
เราเห็น “นักการเมืองฮีโร่” ยืนเรียกร้องความยุติธรรม
แต่พอได้เก้าอี้ กลับกลายเป็น “โจรในคาบผู้ดี”
เรามี “ผู้นำภาพลักษณ์ดี” ที่ออกสื่อพูดเรื่องศีลธรรม
แต่เบื้องหลังกลับสั่งสมบารมีผ่านผลประโยชน์ทับซ้อน
กระจกบานหนึ่งอาจสะท้อนความหล่อ ความสวย ความมั่นใจ
แต่ไม่มีบานไหนสะท้อน “จิตใจและสำนึก” ได้
สิ่งที่สะท้อนชัดที่สุดในสังคมไทยตอนนี้
คือ “หน้ากาก” ที่เริ่มร่อนออกจากใบหน้าของหลายคน
สังคมที่คนดีต้องอธิบายตัวเอง
แต่คนเลวกลับมีคนปกป้อง
สังคมที่ยกย่องคนสร้างภาพมากกว่าคนสร้างชาติ
และปล่อยให้คนมีอำนาจใช้ “ภาพดี” ปิด “กรรมชั่ว” ได้อย่างแนบเนียน
เราควรถามตัวเองว่า...
เรามองโลกผ่าน “กระจกจริง” หรือ “ภาพลวง”?
เราเชื่อสิ่งที่เห็น หรือเห็นเฉพาะสิ่งที่อยากเชื่อ?
เพราะตราบใดที่ประชาชนยังหลงเงาในกระจก
ผู้มีอำนาจก็ยังใช้เงานั้นหลอกตาเราได้เรื่อยไป
อย่าลืมว่า...
“สังขารแต่งได้ แต่สันดานแต่งไม่ได้”
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องส่องไม่ใช่แค่กระจกหน้า
แต่ “กระจกใจ” ของทั้งผู้นำ นักการเมือง และประชาชนเอง
สรุปสาระสำคัญ:
บทความนี้สะท้อนวัฒนธรรม “ภาพลักษณ์เหนือคุณธรรม” ในสังคมไทยและการเมืองไทย ที่คนบางกลุ่มสร้างภาพเป็นคนดีเพื่อหลอกสังคม แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยการโกง การหาผลประโยชน์ และการใช้อำนาจในทางที่ผิด — เตือนสติประชาชนให้แยกแยะ “ของจริงกับของปลอม” ในยุคที่หน้ากากทางศีลธรรมกำลังกลบความเน่าในระบบ