พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช หรือ “สารวัตรแรมโบ้” ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันว่า “ไม่ปกติ” พร้อมระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญทั้งศึกภายนอกจากประเทศเพื่อนบ้าน และศึกภายในจากนักการเมืองที่ขาดความซื่อสัตย์
สารวัตรแรมโบ้กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยย้อนรอยประวัติศาสตร์ตั้งแต่วิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ที่ไทยสูญเสียเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และเขาพระวิหารให้แก่อาณานิคมฝรั่งเศส ก่อนจะกลายมาเป็นปัญหาข้อพิพาทซ้ำซากในปัจจุบัน
เขาชี้ว่า “เขมรวันนี้กลับมาอ้างสิทธิ์ในดินแดนของไทย ทั้งที่ไทยเคยช่วยเหลือเขามาในยามสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” พร้อมเปิดเผยว่า “มีนักการเมืองบางคนให้การสนับสนุนเขมร” ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยไม่อาจนิ่งเฉยได้
สารวัตรแรมโบ้ยกย่อง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นทหารผู้กล้าผู้ยึดคืนดินแดนไทยจากการรุกรานของกัมพูชาได้ภายใน 5 วัน พร้อมเปรียบว่าเป็น “ขุนศึกในตำนาน” เสมือนพระยาพิชัยดาบหัก หรือพระราชมนู ทหารเอกผู้กู้แผ่นดินในประวัติศาสตร์ไทย
“การบ้านแด่ผู้รักชาติ” บทความที่แรมโบ้เห็นพ้องเต็มใจ
สารวัตรแรมโบ้กล่าวชื่นชมบทความพิเศษจาก นสพ.แนวหน้า เรื่อง “การบ้านแด่ผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มากกว่ารักตนเองและพวกพ้อง เอาไปคิด” เขียนโดย อัมรินทร์ คอมันตร์ ว่าเป็นบทความที่ “แทงใจคนไทยทุกคน” เพราะสะท้อนสภาพของประเทศที่กำลัง “ล้มเหลวในทุกระบบ” ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และกระบวนการยุติธรรม
บทความดังกล่าวตั้งคำถามตรงใจคนไทยว่า “แล้ววันนี้จะให้ใครมาบริหารประเทศ?” ท่ามกลางการเลือกตั้งที่สิ้นเปลืองและเต็มไปด้วยการซื้อเสียง ก่อนจะเสนอชื่อ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการนำพาชาติกลับสู่เส้นทางแห่งศรัทธา ด้วยคุณสมบัติ “กล้าหาญ ซื่อสัตย์ รักชาติ และภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์”
เสียงเรียกร้องให้ประเทศมีผู้นำที่แท้จริง
ทั้ง “อัมรินทร์ คอมันตร์” และ “สารวัตรแรมโบ้” เห็นพ้องกันว่า ประเทศไทยถึงเวลาต้องได้ผู้นำที่ “มือสะอาด ไม่ซื้อเสียง ไม่ขายชาติ” เหมือนในยุคของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่เลือกใช้บุคลากรซื่อสัตย์และมีความสามารถ เช่น ดร.ถนัด คอมันตร์ และ ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ มาร่วมสร้างชาติให้พ้นวิกฤต
สารวัตรแรมโบ้ยังกล่าวย้ำว่า “ผู้นำในอนาคตต้องไม่คลุกคลีกับเจ้าสัวหรือกลุ่มทุนที่คิดถึงผลประโยชน์ของตนเอง” แต่ต้องใช้แนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แม้แต่ผู้นำรัสเซียอย่างวลาดีมีร์ ปูติน ยังนำไปใช้จนพาประเทศพ้นวิกฤต
รัฐบาลแห่งศรัทธา ไม่ใช่รัฐบาลแห่งผลประโยชน์
สารวัตรแรมโบ้ระบุว่า การเปลี่ยนผู้นำครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้รถถังหรือการปฏิวัติ แต่ต้องเกิดจาก “พลังของประชาชนผู้รักชาติ” ที่ออกมาเรียกร้องด้วยมือเปล่าและดอกไม้ เพื่อให้ประเทศได้ผู้นำที่มีผลงานจริง และไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตน
“ถึงเวลาที่นักการเมืองทั้งหลายควรพักผ่อน ปล่อยให้คนดีที่มีใจรักชาติได้เข้ามาทำงานเพื่อแผ่นดิน” เขากล่าว พร้อมเตือนว่า ถ้าประชาชนยังหลับใหล ประเทศอาจซ้ำรอยกรุงศรีอยุธยาที่ล่มสลายเพราะความประมาทและความแตกแยกของคนในชาติ
“รัตนโกสินทร์ต้องไม่สิ้นคนดี และประชาชนต้องไม่หลับไหล”
คือประโยคปิดท้ายที่ “สารวัตรแรมโบ้” ฝากไว้กับคนไทยทุกคน — ให้ตื่นขึ้นมาปกป้องบ้านเมือง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป.
















